การเลือกใช้ “Bag Filter” ที่เหมาะสมสำหรับระบบดักฝุ่นในโรงงานผลิตปูนซีเมนต์

โรงงานผลิตปูนซีเมนต์เป็นแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองที่สำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของชุมชนโดยรอบหากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม ระบบดักฝุ่นแบบถุงกรอง “Bag Filter” เป็นเทคโนโลยีที่นิยมใช้ในการควบคุมการปล่อยฝุ่นจากโรงงานปูนซีเมนต์ เนื่องจากมีประสิทธิภาพสูงในการดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้ “Bag Filter” ที่เหมาะสมจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ระบบดักฝุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงและคุ้มค่าต่อการลงทุน 

 ปัจจัยที่ต้องพิจารณาในการเลือกใช้ “Bag Filter” สำหรับโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ 

  • ลักษณะและปริมาณของฝุ่นที่เกิดขึ้นในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ 

ในกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ มีการเกิดฝุ่นในหลายขั้นตอน ตั้งแต่การบดวัตถุดิบ การเผาในหม้อเผา การบดปูนเม็ด ไปจนถึงการขนถ่ายและบรรจุผลิตภัณฑ์ ฝุ่นที่เกิดขึ้นมีขนาดและปริมาณที่แตกต่างกันในแต่ละขั้นตอน เช่น ฝุ่นจากการบดวัตถุดิบมักมีขนาดใหญ่กว่าฝุ่นจากการบดปูนเม็ด ในขณะที่ปริมาณฝุ่นจากหม้อเผามักมีมากกว่าฝุ่นจากการบรรจุผลิตภัณฑ์ การเข้าใจลักษณะและปริมาณฝุ่นในแต่ละจุดของกระบวนการผลิตจะช่วยในการเลือกขนาดและประเภทของ “Bag Filter” ที่เหมาะสม  

  • สมบัติทางกายภาพและเคมีของฝุ่นปูนซีเมนต์ที่มีผลต่อประสิทธิภาพการกรอง 

ฝุ่นปูนซีเมนต์มีสมบัติเฉพาะที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการกรอง เช่น ความเป็นด่างสูง ความสามารถในการดูดซับความชื้น และการเกาะตัวกันเองของอนุภาคฝุ่น สมบัติเหล่านี้อาจทำให้เกิดการอุดตันของถุงกรองได้ง่าย หรืออาจทำให้ถุงกรองเสื่อมสภาพเร็วขึ้น นอกจากนี้ อุณหภูมิของก๊าซที่มีฝุ่นปนเปื้อนก็เป็นปัจจัยสำคัญ โดยเฉพาะในบริเวณหม้อเผาที่อาจมีอุณหภูมิสูงถึง 400-450 องศาเซลเซียส ซึ่งต้องเลือกใช้วัสดุถุงกรองที่ทนความร้อนสูงได้ 

  • มาตรฐานคุณภาพอากาศและข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการระบายฝุ่นจากโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ 

การเลือกใช้ “Bag Filter” ต้องคำนึงถึงมาตรฐานคุณภาพอากาศและข้อกำหนดทางกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น ค่ามาตรฐานการปล่อยฝุ่นละอองรวม (Total Suspended Particulates: TSP) และฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 10 ไมครอน (PM10) จากปล่องโรงงานปูนซีเมนต์ ซึ่งอาจแตกต่างกันในแต่ละประเทศหรือท้องถิ่น นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาแนวโน้มการเข้มงวดของกฎหมายในอนาคต เพื่อเลือกระบบ Bag Filter ที่มีประสิทธิภาพสูงพอที่จะรองรับมาตรฐานที่อาจเข้มงวดขึ้นในอนาคตได้